Peerless Martial God ตอนที่ 122


ตอนที่ 122 ซื่อหยู











ม้าหุ้มเกราะกำลังวิ่งเร็วขึ้นบนถนนสายเก่าแก่ ขณะนั้นม้าสองตัวกำลังค่อยๆลดความเร็วลง
หลินเฟิง มองไปรอบ ๆ มีหมอกสีขาวที่เห็นได้จากปล่องไฟบางแห่งจากระยะไกล น่าประหลาดใจ
ที่พวกเขามาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้เล็กเลยแม้แต่น้อย


ในทวีปทั้งเก้าเมฆาผู้บ่มเพาะพลังได้รับความนับถือและมีอำนาจ แต่มีคนธรรมดาหลายที่ไม่ได้
มีจิตวิญญาณและไม่สามารถทำการบ่มเพาะพลังได้


"หลินเฟิง เรามาถึงบริเวณชายแดนของเมืองต้วน" หลิวชางหลาน กล่าวกับ หลินเฟิง ขณะชี้ไปที่เมือง


"ในที่สุดเราก็มาถึงซะที" หลินเฟิง คิดขณะที่เขาเห็นว่าพวกเขากำลังเข้าใกล้เมืองมากขึ้น


ม้าหุ้มเกราะฉีซู่ว นั้นเร็วกว่าก่อนหน้านี้อย่างมากแคว้นซู่วเย่วนั้นกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นพวกเขา
ต้องใช้เวลาถึงหกวันในการมาเมืองนี้ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแคว้น


ณ เมืองต้วนเหลิน



"ถนนสายนี้ช่างน่าอัศจรรย์. ทุกอย่างเปิดกว้างและเข้าถึงได้ ทุกคนสามารถโจมตีและทำลายมันได้ "
หลินเฟิง กล่าวกับ หลิวชางหลาน


"พวกเขาไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้" หลิวชางหลาน ตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจซึ่งทำให้ หลินเฟิง
ตัวสั่น


พวกเขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยงั้นรึ?


ในเมืองนี้ดูเหมือนว่ามีแต่คนธรรมดาเท่านั้น พวกเขาอาจถูกฆ่าได้โดยง่ายแม้กระทั่งผู้บ่มเพาะพลัง
ที่อ่อนแอก็สามารถฆ่าพวกเขาได้


"หลินเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าทวีปของเรานั้นกว้างใหญ่เพียงไหน?"


"ข้าไม่แน่ใจ" หลินเฟิง ตอบแล้วส่ายหัว


"ทวีปเก้าเมฆมีขนาดใหญ่อย่างมากและมีหลายแคว้น มีแคว้นจักรพรรดิหยูและแคว้นของเราซึ่งเป็น
แคว้นซู่วเย่ว ซึ่งอยู่ในเขตซื่อหยู "หลิวชางหลาน กล่าวอย่างช้าๆแล้วบอกต่อไปว่า"ซื่อหยู มีแคว้น
ทั้งหมดสิบสามแคว้นซึ่งใหญ่เป็นลำดับสี่ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก "


หลินเฟิง มึนงง เขาไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับซื่อหยูมาก่อนเลย สิบสามแคว้น..... และแคว้นซื่อหยู่
อยู่ในซื่อหยู่ ...หลินเฟิง ไม่เข้าใจจริงๆว่าหมายถึงอะไร เขาไม่รู้ว่าพื้นที่เหล่านี้เป็นมาอย่างไรในแผนที่


"ทุกแคว้นของเรานั้นเชื่อมต่อกัน มีข้อตกลงเกิดขึ้นและแคว้นซู่วเย่วของเรายังเคารพต่อข้อตกลง
เหล่านี้ เราจะไม่โจมตีกัน อย่างไรก็ตามในกรณีที่บางอย่างเช่นที่เกิดขึ้นแล้วคนที่อ่อนแออาจจะกลาย
เป็นเหยื่อของคนที่แข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งเป็นหนึ่งในกฎที่สำคัญที่สุดในทวีปเก้าเมฆา "


"อย่างไรก็ตามทุกสิบปี สิบสามแคว้นจะเลือกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของแคว้นของพวกเขาและจัดการแข่ง
ขันที่ยิ่งใหญ่ของซื่อหยู ประกอบด้วยการต่อสู้ระหว่างเหล่าศิษย์เหล่านี้ ว่ากันว่าผู้ชนะสามารถได้รับเงิน
จำนวนมหาศาลความมั่งคั่งและของมีค่า นอกจากนี้ผู้ชนะมีโอกาสที่จะไปยังสถานที่ที่ลึกลับและเป็น
ความลับเพื่อฝึกฝนการบ่มเพาะพลังอีกด้วย ”


"การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ของซื่อหยู ... สถานที่ลึกลับและเป็นความลับ!" หลินเฟิง กำลังสั่น บางที ลั่วซื่อ
และ ฉู๋จั่นเผิง ได้เข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุผลนี้แน่นอน หลินเฟิง กำลังสงสัยว่ามีความสัมพันธ์
ระหว่างสิ่งที่ หลิวชางหลาน กำลังพูดอยู่และข้อเท็จจริงที่ว่าทั้งสองปรมจารย์ระดับสูงได้เลือกเรียนที่
ลานอันศักดิ์สิทธิ์


"อย่างไรก็ตามมีบางแคว้นที่ประสงค์จะเป็นดินแดนที่แข็งแกร่งและยึดครองดินแดนอื่น ๆ นี่คือสิ่งที่
เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ของซื่อหยู ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวข้องกับอำนาจ พวกเขาจัดการ
เพื่อยึดดินแดนอื่น ๆ ก็หมายความว่าพวกเขาจะได้รับอำนาจและสามารถเข้าถึงพรสวรรค์ที่โดดเด่น
จำนวนมากยิ่งขึ้น หลายแคว้นปรารถนาที่จะปกครองแคว้นอื่นๆ

"ข้าเข้าใจแล้ว" หลินเฟิง ไม่เคยคิดว่าแคว้นต่างๆจะต่อสู้กันอยู่ในกรอบของการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่นี้


"เจ้าควรจะเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมพวกเขาถึงได้ทำลายนิกายหยุนไห่ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขากำลัง
พยายามที่จะนำศิษย์ที่ดีที่สุดของพวกเขาไป ไว้ในที่เดียว: ลานศักดิ์สิทธิ์ "หลิวชางหลาน กล่าว
หลินเฟิง พยักหน้าเล็กน้อย พวกเขาได้สร้างลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว เพราะพวกเขาต้องการศิษย์ที่
โดดเด่นมากขึ้นและพวกเขาต้องการที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของศิษย์ในแคว้นอย่างมาก


"พวกเขาต้องการที่จะสังหารข้าเพราะขอบเขตของอิทธิพลของกองทัพของข้ามีขนาดใหญ่เกินไป
 พวกเขาทำลายนิกายหยุนไห่เพราะพวกเขาต้องการรวมแคว้นให้อยู่ภายใต้การปกครองเดียวกัน
 นิกายอื่น ๆนั้นใจกว้าง แต่ในบางทีตระกูลจักรพรรดิน่าจะเริ่มให้ความสำคัญกับพวกเขามากขึ้น
และชะตากรรมของพวกเขาก็จะเหมือนกับนิกายหยุนไห่ "หลิวชางหลาน กล่าวขณะถอนหายใจ


หลินเฟิง รู้สึกโกรธ  แน่นอนพวกเขาต้องทำให้เหยื่ออยู่ในสายตาไว้


"ท่านแม่ทัพ ได้โปรดลงจากม้าแล้วดื่มน้ำบ้าง"


ในขณะนั้นมีคนสองคนมาจากหมู่บ้านและผู้หญิงคนหนึ่งในนั้น เธอเป็นคนหนึ่งที่ตะโกนคำ
เหล่านี้กับ หลิวชางหลาน


"ท่านแม่ทัพผมของท่าน......... .. "


"ไม่มีเวลาแล้ว. พวกข้ากำลังรีบ  พวกข้าไม่สามารถหยุดได้ "หลิวชางหลาน ตอบกับผู้หญิง
ด้วยรอยยิ้ม ในขณะนั้นหลาย ๆ คนกำลังออกมาจากบ้านของพวกเขาและมองไปที่ หลิวชางหลาน
 ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชม หลินเฟิง กำลังมอง หลิวชางหลาน
 แบบเดียวกัน


ฝูงชนได้กลัวกองทัพ แต่คนธรรมดาเหล่านี้กำลังมองไปที่ หลิวชางหลาน ด้วยความเคารพและ
ความเป็นมิตร เขาสามารถเอาชนะใจผู้คนได้


หลินเฟิง พบว่าโชคร้ายที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในโลกก่อนหน้านี้ หลินเฟิง คิดว่าคนอย่าง หลิวชางหลาน
 อาจกลายเป็นหนึ่งในคนที่สำคัญที่สุดในโลกก่อนหน้านี้ เขาอาจจะบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้


ในขณะนั้นเมืองเล็ก ๆ อีกแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของ หลินเฟิง


"ท่านแม่ทัพ ท่านกลับมาแล้ว"


"เสียงเปิดประตูอย่างรวดเร็ว."


หลายคนเมื่อพวกเขาเห็น หลิวชางหลาน ได้กลับมาก็ตื่นเต้น ช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้น
มีคนมายังประตู



"ท่านแม่ทัพ!" ฝูงชนตะโกนเสียงดัง พวกเขาทั้งหมดรู้ว่านิกายหยุนไห่ถูกทำลายและแม่ทัพของ
พวกเขาได้เดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิเนื่องจากเหตุการณ์เหล่านั้น พวกเขากลัวด้วยความ
คิดที่ว่าแม่ทัพของพวกเขาอาจไม่ได้กลับมา พวกเขามีความสุขอย่างมากที่ได้เห็นเขากลับมา
อย่างปลอดภัย


เมื่อหลิวชางหลาน ได้เห็นคนเหล่านั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ ไปสองสามครั้ง หัวใจของเขาเต็ม
ไปด้วยความปิติยินดี คนเหล่านี้เป็นคนของเขาและชีวิตของพวกเขาอยู่ในมือของ หลิวชางหลาน


"ข้ากลับมา" หลิวชางหลาน กล่าว จากนั้นเขาก็ควบม้าของเขาไปข้างหน้าและวิ่งขึ้นเข้าเมือง
ด้วยความเร็วสูงสุด เขาขยับตัวเร็วจนลมรอบ ๆ ตัวเขาสร้างเสียงหวีดหวิวขณะที่เขาวิ่งผ่าน


ม้าหุ้มเกราะของ หลินเฟิง  กำลังตาม หลิวชางหลาน อย่างใกล้ชิด


เมืองนี้ไม่ได้ใหญ่มากนักและเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของดินแดนนี้เท่านั้น หลิวชางหลาน อาศัยอยู่
ในพื้นที่อื่นของเมืองซึ่งใกล้กับประตูอื่น


หลิวชางหลาน ยังไม่มาถึง แต่มีเงาบนหลังม้ากำลังเข้ามาหาเขา เธอกำลังควบม้าของเธอแล้ว
ใช้แส้ตีไปที่ม้า เธอสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้ม


"ท่านพ่อ!" ตาของ หลิวเฟย แดงกล่ำและเต็มไปด้วยน้ำตา


หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไปที่เมืองจักรพรรดิ หลิวเฟย ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย


เมื่อได้ยินว่าท่านพ่อของเธอได้กลับมา เธอรีบไปหาเขาพร้อมน้ำตา หลิวเฟย กังวลเรื่องพ่อ
ของเธอและคิดว่าเขาอาจจะไม่กลับมาอย่างมีชีวิต


"เฟยเฟย" หลิวชางหลาน กล่าว ดูเหมือนเขาจะเป็นพ่อที่รักลูกอย่างมากในขณะที่เขากำลัง
มองหาลูกสาวด้วยความรัก


หลิวเฟย มองไปที่พ่อของเธอและไม่กี่วินาทีต่อมาก็กล่าวว่า "หลิวชางหลาน, สุดท้ายท่านก็
อยู่ที่นี่ ท่านนี่โง่อะไรเยี่ยงนี้! "


"เอ๊ะ!" ทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้าง หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจและช่วยไม่ได้ที่เขาจะแปลกใจ
กับคำพูดนั้นที่หลุดออกจากปากของ หลิวเฟย ช่างดูหยาบคายจริงๆ!



ทันทีหลังจากนั้น หลิวชางหลาน ยิ้มด้วยความรักมากยิ่งขึ้น มันเป็นรอยยิ้มแหยงๆแม้ว่า
บางทีเขาก็เป็นคนโง่จริงๆนั้นแหละ


"เอาล่ะ เฟยเฟย, ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าไม่มีความสุขที่พ่อกลับมางั้นรึ?"


"ข้าควรจะมีความสุขที่ท่านพ่อกลับมา แต่ข้าก็ยังไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่นัก" เธอกล่าว
ขณะควบม้าไปหาพ่อของเธอว่า "ท่านพ่อต้องสัญญากับข้าว่าท่านจะไม่ทำอะไรแบบนี้
อีกในอนาคต"


"ฉันจะไม่ทำ" หลิวชางหลาน กล่าวขณะที่ส่ายหัว จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ หลินฌฟิง และกล่าวว่า "
เฟยเฟย เจ้าต้องขอบคุณเขานะ เขาคือผู้ที่ช่วยพ่อแก่ๆของเจ้า ที่ทำผิดพลาดไปซึ่งถ้าเขาไม่
ได้ช่วยไว้พ่อคงกลับมาไม่ได้แบบนี้ "


"งั้นรึ?" หลิวเฟย มอง หลินเฟิง ชุดของชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกจากการเดินทาง
อันยาวนานที่พวกเขาพากันมาถึงที่นี่ นอกจากหน้ากากทองแดงของเขาที่ดูชั่วร้ายยิ่งขึ้นแล้ว
พลังปราณ ที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขาก็แปลกมากเช่นกัน


"พ่อชายผู้นั้นเป็นใครกัน?" หลิวเฟย มองไปที่ หลินเฟิง ด้วยใบหน้าที่น่าสับสน


หลิวชางหลาน หัวเราะและกล่าวว่า: "เจ้าจำเขาไม่ได้งั้นรึ?"


หลิวเฟย มึนงง จำเขาไม่ได้? เธอไม่รู้จักใครที่สวมหน้ากากทองทองแดง!


หลินเฟิง ยิ้มและพูดเป็นติดตลกว่า "อะไรกัน? เจ้าจำไม่ได้แม้กระทั่งแฟนของเจ้างั้นรึนี้? "


เมื่อเขาพูดจบเขาถอดหน้ากากออก เมื่อ หลิวเฟย เห็นใบหน้าของเขาริมฝีปากของเธอ
ก็เริ่มสั่น เธอถูกครอบงำด้วยอารมณ์ที่แตกออกไป แต่ในที่สุดรอยยิ้มที่กว้างซึ่งเต็มไปด้วย
ความอบอุ่นได้ปรากฏขึ้นและปกคลุมใบหน้าของเธอ..







Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

Post a Comment

0 Comments